คนเรานี่ก็แปลกนะ ตอนที่เรารู้สึกดีๆด้วยก็ไม่สนใจใยดี ผลักไสไล่ส่งให้ไปไกลๆ แต่พอเราหันหลังให้ กลับค่อยๆเดินเข้ามาหาเรา คุยเรื่องนี้กับพี่คนนึงเหมือนกัน พี่เขาถามฉันคำถามนึงว่า รู้สึกว่าเสียเวลาไม๊ที่เขาไม่ชัดเจนแบบนี้ ถ้าไม่รู้สึกอะไร ก็คุยก็คบไปเรื่อยๆ แต่ถ้ารู้สึกว่าไม่เห็นชัดเจนสักที แล้วจะเสียเวลาทำไม ก็หันหลังไปซะเถอะ อย่าเสียเวลาอีกเลย แต่ต่างกับเพื่อนของฉันคนนึงที่ว่า คนบางคนก็ต้องการเวลานะ ไม่ใช่เจอแล้วคุยกันไม่กี่วันก็จะรู้สึกได้ว่าคนนี้นี่แหล่ะใช่ ต้องอาศัยเวลาในการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน แต่ก่อนอุ้มก็รีบร้อน แล้วสุดท้ายก็เลือกได้ไม่ดีไม่ใช่หรอ ลองใจเย็นๆดูไปเรื่อยๆไม่ดีกว่าหรอ สำหรับฉันแล้ว..บางทีฉันก็อยากหันหลังให้แล้ว เพราะเหนื่อย คือรู้สึกเหมือนคนอื่นๆทั่วไปว่า ถ้าไม่ใช่ก็อย่าเสียเวลากันเลย แต่อย่างที่เพื่อนบอกก็ถูกนะ จะรีบไปไหน ตัวเขาเองก็เคยพูด ยิ่งคิดยิ่งช้ำ..เหมือนจะรู้สึกเลยว่า คงไม่มีใครมาแทนใครได้จริงๆ ไม่อยากรับใครเข้ามาอีกแล้วหล่ะ ถ้าไม่ใช่..ก็ไม่อยากคบใครอีกแล้ว เมื่อคืนนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ฉันต้องตัดสินใจอะไรบางอย่าง ตอนแรกฉันรู้สึกว่ามันคงถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่ฉันควรจะหยุดความสัมพันธ์กับใครบางคนไว้ตรงแค่คำว่าเพื่อน คงไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้ เขาเองก็ไม่ได้แคร์อะไรฉันเลย บอกเขาไปแล้วหล่ะว่า คงหยุดแค่นี้ เพราะไม่ว่าเขาจะมีหรือไม่มีฉันมันคงไม่ต่างกัน เขาเองก็ดูเหมือนไม่อยากคุยด้วยแล้วเท่าไหร่ เขาก็บอกว่าเขาเหนื่อยและปวดหัว ฉันก็บอกว่า โอเคงั้นพักผ่อนแล้วกันค่ะ เขาก็ไม่ยอมวาง บอกว่า ดูเหมือนฉันยังน้อยใจอยู่นะ ก็ได้แต่บอกไปว่า ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ ปวดหัวไม่ใช่หรอ เราคงคุยกันไม่รู้เรื่องจริงๆ ดูเหมือนว่าเรื่องราวมันควรจบแค่ตรงนี้ เขาบอกว่าเราเหมือนกันมากเกินไป ตรงที่ไม่พูดอะไรตรงๆออกมา เอาเป็นว่าเขาสรุปว่า เขาอยากมีฉันอยู่แล้วก็ยังอยากคุยไปด้วยเรื่อยๆ แต่พี่คนที่ฉันคุยด้วยบอกว่า นี่แหล่ะ เขารั้งเราไว้หล่ะ กลัวจะเสียไปเพราะเขากลัวเหงา แล้วจริงๆแล้ว..เขารู้สึกยังไง เราไม่มีทางรู้ได้เลย.. บางทีก็ดูเหมือนจะเป็นห่วงเป็นใย รักใคร่ดี แต่บางทีก็ไม่เลย.. มีหลายคนจังที่อยากให้ฉันหันหลังให้คนๆนี้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ความรักจะว่าไปแล้วก็เหมือนอย่างที่เขาว่ากันว่าเหมือนรองเท้า รองเท้าบางคู่เราเฝ้าปรารถนาอยากได้มันมาเพราะมันสวย หรู แบรนด์เนม เก็บเงินเฝ้าแต่รอว่าเมื่อไหร่จะได้ครอบครองมันสักที แต่พอเอาเข้าจริง เมื่อได้มันมาแล้ว ม้นกลับใส่ไม่สบาย ด้วยส้นที่สูงแหลม ทำให้เดินไปได้ไม่ไกล ผิดกับรองเท้าแตะธรรมดาที่ไม่ได้ดูดีไปกว่าคู่อื่นๆ แต่กลับทำให้เราใส่แล้วเดินสบาย และมันคงจะทำให้เราเดินไปถึงจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้ ก็คงเหมือนคนที่เราเฝ้าใฝ่ฝัน บางทีเขาอาจไม่เหมาะกับเราเลยก็ได้ หากอยู่กันไปแล้ว ไม่มีความสุขเอาซะเลย กับคนบางคนที่ไม่ได้สูงส่งอะไร ไม่ได้การศึกษาสูงอะไรนัก แต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่กว่าใคร แต่ฉันอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ฉันสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ โดยไม่ต้องแยแสด้วยซ้ำว่าเขาจะเบื่อฉันไม๊ จะรำคาญฉันไม๊ เพราะเขาทำให้ฉันมั่นใจ และยังมั่นใจมาจนถึงทุกวันนี้ว่า..เขารักฉันจริงๆ แม้ว่าวันนี้คนๆนั้นจะไม่อยู่ตรงที่ๆที่เขาเคยยืนข้างฉันแล้ว แต่ฉันไม่เคยลืมเขาเลย ไม่เคยลืมรองเท้าคู่ที่ฉันใส่สบายที่สุด..เท่าที่ฉันเคยมีมา และไม่คิดด้วยว่าจะมีรองเท้าคู่ไหนที่ฉันจะรักและใส่สบายได้ขนาดนี้อีกแล้ว..T_T
-
Recent Posts
Recent Comments
Mr WordPress on Hello world! MyMail on เรื่องเศร้า..ที่ทำให้เราหมดแรง… MyMail on เรื่องเศร้า..ที่ทำให้เราหมดแรง… MyMail on เรื่องเศร้า..ที่ทำให้เราหมดแรง… aummy on ณ วันที่ไปทำงานไม่ได้ ภาค2 Archives
- February 2011
- December 2010
- October 2010
- September 2010
- August 2010
- July 2010
- June 2010
- May 2010
- April 2010
- March 2010
- February 2010
- January 2010
- December 2009
- November 2009
- October 2009
- September 2009
- August 2009
- July 2009
- June 2009
- May 2009
- April 2009
- March 2009
- February 2009
- January 2009
- December 2008
- November 2008
- October 2008
- September 2008
- August 2008
- July 2008
- June 2008
- May 2008
- April 2008
- March 2008
- February 2008
- January 2008
- December 2007
- November 2007
- October 2007
- September 2007
- August 2007
- July 2007
- November 2006
- October 2006
- August 2006
Categories
Meta